ถิ่นอาศัย : พื้นท้องทะเลชายฝั่งตื้นๆที่เป็นโคลนแข็งหรือโคลนแข็งปนทราย ในประเทศไทยพบมากที่ชายฝั่งของจังหวัดเพชรบุรี สมุทรสงคราม (ตั่งแต่ชายฝั่งตำบลบางขุนไทร - แหลมหลวงในเขตตำบลแหลมผักเบี้ย) พบน้อยมากในจังหวัดชลบุรี มีพบบ้างที่หาดราไว จังหวัดภูเก็ต หอยชนิดนี้พบได้บริเวณชายหาดที่มีโคลนเหมาะแก่การอยู่อาศัย ในจังหวัดเพชรบุรี ตั่งแต่บริเวณตำบล บางขุนไทรถึงแหลมหลวง โดยเป็นแหลมยื่นไปในทะเลเป็นแนวเขตแบ่งทะเลกับหาดทรายและหาดโคลน โดยส่วนมากจะอาศัยในพื้นกระซ้าผสมโคลนตมที่อยู่ในทะเล โดยในอดีตการเก็บหอยเริ่มต้นจากการชาวบ้านมาหาหอยแคงที่มีอยู่ตามหาดโคลนชายฝั่ง กินพวก พวกไดอะตอม แพลงตอนพืช และแพลงตอนสัตว์บางชนิด เป็นอาหาร
จะเริ่มการเก็บหอย บริเวณน้ำแห้งหลังจากที่น้ำลงแล้วจะปรากฏรูของหอย ซึ่งมักจะออกมาหาหอยเป็นอาหารเลี้ยงครอบครัวในช่วงหลังฤดูทำนาอันเป็นอาชีพหลักในสมัยก่อน แต่ได้มีการเล่าว่าชาวนาจากบ้านนาบัว (ทุ่งบางแก้วในอดีต)ในตำบลบางแก้ว ใช้คานหลาว ซึ่งเป็นอุปกรณ์แทงมัดข้าวเปลื่อกฟ่อนก่อนเอาไปนวด เอามาใช้หาบหอย ต่อมาคานหลาวนั้นได้หักลง จึงได้ใช้คานหลาวที่เป็นไม้ไผ่แทงลงพื้นดินทะเล ปรากฏว่า พบหอยเสียบเป็นจำนวนมาก จึงทำให้ผู้มาหาหอยเสียบ ทำไม้ปลายแหลมเช่นเดียวกับปลายของคานเหลาวมาขุดแทงเพื่อเก็บหอย ความที่เป็นไม้ไผ่จึงไม่คงทน จึงทำให้ต่างคนต่างก็คิดดัดแปลงมาเป็นเหล็ก
หอยเสียบ เป็นหอยทะเลที่มีเปลือกแข็ง รูปทรงคล้ายสามเหลี่ยมซึ่งมีมุมโค้งมน บนเปลือกมีเส้นแสดงการเจริญตามความยาวของลำตัว ส่วนมากมักมีสีเหลืองอ่อนเป็นพื้นและมีน้ำตาลคาดเป็นเส้นหรือเป็นแถบกระจายอยู่ทั่วไป แต่ละตัวจะมีลวดลายสีสันต่างกันเป็นตามแหล่งที่อยู่อาศัย ลักษณะ ตามที่นักวิชาการได้ศึกษา และบอกไว้ว่า เป็นหอยที่มีฝาเปลือกสองชิ้นประกบกัน ไม่มีหัวใจ ขากรรไกรและลิ้น ขนาดตัวที่สมบูรณ์ที่สุดความกว้างของปากหอยประมาณ ๒ เซนติเมตร ถึง ๒.๕ เซนติเมตร เปลือกหนาสีเหลือง บริเวณปากสีเหลืองปนเขียว จะฝังตัวอยู่ในทราย จึงเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า "หอยทราย "หรือ "หอยสองฝา"ก็เรียก กินอินทรียวัตถุที่เน่าเปื่อย โดยฝังตัวอยู่ในทราย ตามบริเวณที่มีเขตน้ำขึ้นลง พบทั่วไปตามชายหาด พบมากบริเวณหาดทราย ชายฝั่งทะเลและจังหวัดใกล้เคียงแถบภาคใต้ของประเทศไทย โดยเฉพาะฝั่งทะเลอันดามัน แถบหมู่เกาะลันตา จังหวัดกระบี่
การหาหอยเสียบของชาวบ้านที่รู้ว่าในช่วงที่นํ้าทะเลลดลง ชาวบ้านจะชวนกันออกมาเตรียมเครื่องมือ อาจเป็นช้อน มีดทำครัว หรือหากไม่มีก็ใช้เท้าที่เป็นอาวุธประจำตัวในการขุดหาหอยเสียบโดยการใช้เท้ากวาดทรายหลังคลื่นที่ซัดขึ้นฝั่งไหลย้อนกลับลงทะเล เอามันมาล้างขัด และแช่น้ำให้มันคลายทรายคลายดินหลังจากนั้นก็นำไปดอง หรือปรุงเป็นอาหารตามท้องถิ่นนิยม เช่น ดองน้ำปลา ผัดกะเพรา ผัดพริกกับโหระพา หรือเอายำกับมะม่วงและน้ำพริกเผา แต่ชาวบ้านโดยทั่วไปจะเก็บหาหอยเสียบไปทำอาหาร เช่น ผัดกระเพรา ผัดนํ้าพริกเผา หรือดองนํ้าปลาไว้กินกับข้าวต้มกุ๊ย และนำมาดองเค็ม เนื้อใช้ปรุงอาหารได้ ซึ่งการปรุงดังกล่าวนั้นจะทำให้เปลือกหอยเปิดออกง่ายต่อการนำตัวหอยมากินเป็นอาหาร
หอยเสียบ หรือหอยทราย ไม่ค่อยมีผู้นิยมนำไปจำหน่ายเพราะตัวเล็กต้องใช้เวลาการเก็บนานจึงไม่ค่อยเป็นที่รู้จักกันของคนทั่วไปนอกจากชาวบ้านที่อยู่แถบชายทะเลทั้งฝั่งอันดามัน และอ่าวไทย รู้จักหอยเสียบดี และจักนำมาปรุงเป็นอาหาร การใช้ประโยชน์ของหอยเสียบหลังจากใช้เนื้อเป็นอาหารแล้วชาวบ้าน จะนำเปลือกหอยเสียบมาใช้ประโยชน์ ในการเกาหลัง เกาส่วนที่คันบนผิวหนังแทนเล็บมือสำหรับคนที่ไม่มีเล็บ หรือเล็บสกปรก อากัปกิริยาการใช้เปลือกหอยเกาตรงที่คัน ภาษาบ้านครู'ฑูรย์ ใช้คำว่า "จุดหน่วยคัน"
เนื้อใช้รับประทาน นิยมนำมาแกะเปลือกเอาเนื้อทำหอยแห้ง ผัด แกง ส่วนเปลือกบดผสมลงในอาหารสัตว์ แต่ผมกับเพื่อนๆนิยมนำแบบตากแห้งมาคั่วหรือทอดทำเป็นกับแกล้ม
ขอขอบคุณที่มาของภาพและบทความ:
หอยเสียบตากแห้งทอดหรือคั่วแกล้มเบียร์อร่อยมาก
ตอบลบ