วันพฤหัสบดีที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

หอยกะพง





หอยกะพง (ชื่อสามัญ)
Musculus senhousia (ชื่อวิทยาศาสตร์)
HORSE MUSSEL (ชื่อสามัญภาษาอังกฤษ)
ลักษณะทั่วไปเป็นหอยสองฝาเปลือกบางและเปราะ รูปร่างคล้ายเมล็ดถั่ว ตรงกลางลำตัวป่องมาก เปลือกมีสีเขียวอ่อนอมม่วงหรือดำเรื่อ ๆ มีหนวดสำหรับใช้ยึดเกาะกันเป็นกลุ่ม
ถิ่นอาศัยพื้นท้องทะเลที่เป็นโคลนและบริเวณหลักเสาที่ทำปีกของรั้วไซมาน โพงพาง ตามชายฝั่งทะเลในอ่าวไทย เช่น ชลบุรี บางปะกง สมุทรปราการ
ที่มา : เว็บไซต์ของกรมประมง



   สมัยเด็กๆ บ้านอยู่ริมคลองน้ำเค็ม ซึ่งมีป่าชายเลน แหล่งอาหารการกินของชาวโลก ที่นี่มีหอยตัวเล็กๆอร่อยมากๆอย่างหนึ่งชื่อว่า "หอยกะพง" นำมาทำอาหารได้หลายชนิด ลวกจิ้มน้ำจิ้มก็อร่อย หรือจะแกะเปลือกออกสดๆ แล้วนำไปแกงก็อร่อย
   แต่หอยกะพงแถบทางใต้จะต่างจากหอยกะพงฝั่งตะวันออก ทางภาคใต้ตัวจะโตคล้ายๆ หอยแมลงภู่ แต่ตะวันออกตัวเล็กๆขาวกว่า
   บ้านไหนที่เลี้ยงเป็ด เมื่อกินเนื้อหอยเสร็จก็ทิ้งเปลือกให้เป็ดกิน ไข่แดงของเป็ดจะแดงนักแล มารู้จักหอยกะพงกันดีกว่า


   วันนี้แม่ห่านเจอหอยกะพงมาขายที่หน้าหมู่บ้าน ไม่รอช้าเลยค่ะ แม้จะตัวเล็กกะจิ๊ดเดียวถามว่าเล็กขนาดไหนก็ประมาณปลายนิ้วก้อยเด็กๆนั่นแหล่ะ  แต่หากว่ารสชาติของมันนั้นไม่ได้เล็กตามขนาดเลย แต่ด้วยความคิดถึงวัยเด็ก ซื้อมาทันทีเลยค่ะ ครึ่ง กก. 20 บาท ถ้าเป็นเมื่อก่อนละก็ไม่ถึง 5 บาท ด้วยซ้ำ  กลับมาก็ไม่ทำอะไรมาก ดึงเส้นข้างๆออกแล้วล้างให้สะอาด ทุบตะไคร้วางก้นหม้อ แล้วใส่หอยลงไป ตามด้วยในโหระพา ตั้งไฟแล้วปิดฝาไว้ประมาณ 4 - 5 นาที เปิดฝาออกมาหอยก็อ้าทุกตัว


   จำได้ว่าวันหยุดก็มักจะชวนเพื่อนๆเดินลัดเลาะไปตามชายคลองมองหาหอยกะพงมาทำอาหารกินกันแบบสนุกๆแต่เดี๋ยวนี้ไม่มีเหลือแล้วเพราะสภาพทางธรรมชาติที่เปลี่ยนแปลงไป...

ขอขอบคุณที่มาของภาพและบทความ:

http://www.moohin.com
http://rayrai2009.blogspot.com/2009/07/blog-post_2810.html

ปลาน้ำดอกไม้



ชื่อไทย : ปลาน้ำดอกไม้  สากเหลือง
ชื่อทางวิทยาศาสตร์ : OBTUSE BARRACUDA Sphyraena obstusata
หรือเรียกว่า  โชกุน
        
ลักษณะทั่วไป รูปร่างเรียว ปากกว้าง จะงอยปากแหลม ขากรรไกรล่างยื่นยาวกว่าขากรรไกรบนมีฟันเขี้ยว ช่องปากสีเหลือง กระดูกแก้มอันแรกมีเหลี่ยมรูปมุมฉาก ครีบหลังอันแรกมีเทาปนกับสีเหลือง ครีบหู ครีบก้น ครีบหลังอันที่ 2 และครีบหางมีสีเหลืองแต่ครีบท้องสีขาว ลำตัวสีเหลืองอ่อน ท้องสีขาวเงิน

ถิ่นอาศัย แพร่กระจายอยู่ทั่วอ่าวไทยและทะเลอันดามัน
อาหาร กินพืชและสัตว์ทั่วไปขนาดเล็กๆ ขนาด ความยาวประมาณ 20 – 30 ซม

ปลาสากเหลือง ปลาน้ำดอกไม้ : เป็น ปลาอีกชนิดนึง ของประเทศไทย ที่ ทุกคน คงคุ้นชื่อ กับ ปลาชนิดนี้ กันเป็นอย่างดี ปลาสากเหลือง ปลาน้ำดอกไม้ นั้น จัดได้ว่าเป็น ตัวบ่งบอก ที่ใช้ประมาณ ความอุดมสมบูรณ์ ของพื้นที่ ทางทะเลได้เป็นอย่างดี ทะเล ที่มี ปลาสากเหลือง ปลาน้ำดอกไม้ อาศัยอยู่นั้น แสดงว่าทะเล บริเวณนั้น สภาพยังสมบูรณ์ แต่ช่างน่าเสียดายเหลือเกิน ในเวลานี้ จากข้อมูลการศึกษาวิจัย ข้อมูล ปลาทะเล ของไทย พบว่า จำนวน ของ ปลาสากเหลือง ปลาน้ำดอกไม้ มีการลดลง ในระดับที่น่าตกใจ ปัจจัยสำคัญ ที่ส่งผลต่อ การลดจำนวน ลงของปลาชนิดนี้ คือ การขยายตัวของแหล่งที่อยู่อาศัย ชุมชน ซึ่งนำมาซึ่ง การปล่อยของเสียปริมาณมากมาณ ลงสู่ทะเลในแต่ละปี   ปลาสากเหลือง ปลาน้ำดอกไม้  ลักษณะทั่วไป รูปร่างเรียว ปากกว้าง จะงอยปากแหลม ขากรรไกรล่างยื่นยาวกว่าขากรรไกรบนมีฟันเขี้ยว ช่องปากสีเหลือง กระดูกแก้มอันแรกมีเหลี่ยมรูปมุมฉาก ครีบหลังอันแรกมีเทาปนกับสีเหลือง ครีบหู ครีบก้น ครีบหลังอันที่ 2 และครีบหางมีสีเหลืองแต่ครีบท้องสีขาว ลำตัวสีเหลืองอ่อน ท้องสีขาวเงิน ถิ่นอาศัย แพร่กระจายอยู่ทั่วอ่าวไทยและทะเลอันดามัน อาหาร กินพืชและสัตว์ทั่วไปขนาดเล็กๆ ขนาด ความยาวประมาณ 20 – 30 ซม ประโยชน์ 



   
เนื้อนิยมใช้ทำข้าวต้มหรือทำเค็มตากแห้ง แต่ที่ผมกับพ่อชอบทำกินกันเป็นอาหารว่างกินกันเล่นๆในครอบครัวก็คือ เอามานึ่ง แล้วจิ้มกับเต้าเจี้ยว บีบน้ำปลาใส่นิดหน่อยแล้วก็ซอยพริกขี้หนูให้ละเอียดๆผสมลงไป แต่ควรกินตอนร้อนๆหลังจากนึ่งใหม่ๆจะอร่อยมาก ถ้าทิ้งไว้นานจะไม่อร่อย...หรือจะทอดก็อร่อยนะครับ

ปลาน้ำดอกไม้คลุกเครื่องทอด
ปลาน้ำดอกไม้ทอด อบอวนไปด้วนกลิ่นเครื่องเทศ

เครื่องปรุงและส่วนผสม
ปลาน้ำดอกไม้500กรัม
รากผักชี2-3ราก
กระเทียม10กลีบ
พริกไทยป่น1/2ช้อนชา
พริกขี้หนู20เม็ด
น้ำมะนาว2ช้อนโต๊ะ
เกลือป่น1ช้อนชา
น้ำมันงา1ช้อนโต๊ะ

วิธีการทำ ปลาน้ำดอกไม้คลุกเครื่องทอด
1. ขอดเกล็ดปลา ควักไส้ออกล้างให้สะอาด ตัดเป็นท่อน ขนาด 1 นิ้ว วางพักให้สะเด็ดน้ำ
2. โขลกรากผักชี กระเทียมและพริกไทยให้ละเอียด เติมพริกขี้หนูลงไปโขลกพอหยาบ
3. เคล้าเครื่องที่โขลกในข้อ 2 น้ำมะนาว เกลือและน้ำมันงาลงให้ทั่วปลาที่เตรียมไว้ หมักไว้ประมาณ 1 ชั่วโมง
4. ใส่น้ำมันในกระทะ ตั้งไฟให้ร้อน นำปลาลงทอดโดยใช้ไฟปานกลาง ทอดจนพอสุกเหลือง ตักขึ้นวางพักให้สะเด็ดน้ำมัน จัดใส่จานเสิร์ฟ



ขอขอบคุณที่มาของภาพและบทความ:
เกี่ยวกับทะเล...ดีมากกก http://sirikhun.com/

สันทรายบางเบิด...สุดบรรเจิดธรรมชาติระดับโลกอันน่าทึ่ง


"สันทรายบางเบิด"...สุดบรรเจิดธรรมชาติระดับโลกอันน่าทึ่ง/ปิ่น บุตรี
 โดย : ปิ่น บุตรี (pinn109@hotmail.com)


    ผมเป็นแฟน(มวย) “เขาทราย แกแล็คซี่” มาตั้งแต่เด็ก ตอนพี่ระชกทีไรเป็นต้องเฝ้ารอชมด้วยใจจดใจจ่อ ครั้นเมื่อโตขึ้นมาก็หาซื้อดีวีดีของพี่เก็บไว้เพราะนี่คือนักมวยระดับตำนานของเมืองไทย แต่กระนั้นผมก็ยังไม่เคยเจอเขาทรายตัวเป็นซ้ากกะที
       
       
กระทั่งเมื่อเร็วๆนี้ได้ล่องใต้ไปชุมพรมา ถึงกับตะลึง ตึง ตึง ! เพราะผมได้พบกับ“เขาทราย” เต็มสองลูกกะตาที่ชุมพร
      
       
แต่เขาทรายที่ว่านี่ ไม่ใช่ยอดมวยเขาทราย แกแลคซี่ หรือ พี่ “สุระ แสนคำ” อีซ้ายทะลวงไส้หรอกนะ
      
       
หากแต่เป็นเขาทรายตามธรรมชาติ หรือที่จริงๆแล้วคือแนวสันทรายขนาดยักษ์ ที่ดูๆไปปานประหนึ่งภูเขาทรายลูกย่อมๆตั้งตระหง่านอยู่ริมทะเลอ่าวไทย
 สำหรับสันทรายยักษ์แห่งนี้คือ สันทรายบางเบิดที่มีพื้นที่กว่า 30 ไร่ สูงร่วม 20-30 เมตร ยาวประมาณ 10 กิโลเมตร ทอดตัวยาวย่อมขนานไปตามแนวชายหาดบางเบิดในพื้นที่รอยต่อของ 2 จังหวัด 2 ภาค คือ ประจวบฯ(ภาคกลาง) และชุมพร(ภาคใต้) โดยสันทรายตอนบนอยู่ในพื้นที่ บ้านบางเบิด ต.ทรายทอง อ.บางสะพานน้อย จ.ประจวบคีรีขันธ์ ส่วนสันทรายตอนล่างอยู่ในพื้นที่ บ้านถ้ำธง ต.ปากคลอง อ.ปะทิว จ.ชุมพร


       
       
อนึ่งการเกิดขึ้นของสันทรายบางเบิดนั้นอย่าคิดว่าเกิดกันได้ง่ายๆ เพราะนี่เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่เกิดขึ้นยากมากๆ ต้องอาศัยความเหมาะเจาะลงตัวของสภาพพื้นที่และเงื่อนไขของธรรมชาติอีกหลายประการ ไม่ว่าจะเป็น การยกตัวของชายฝั่งอย่างต่อเนื่อง(ในยุคอดีต) การขึ้นลงของระดับน้ำทะเล การตั้งอยู่ในพื้นที่กระแสลมแรง การมีขนาดของเม็ดทรายชายทะเลที่มีขนาดเล็กมากและน้ำหนักเบาชนิดที่สามารถล่องลอยตามกระแสลมพัดพาไปสะสมในระยะไกลๆได้
       
       
นอกจากนี้ลักษณะของสภาพชายหาดก็เป็นสิ่งสำคัญ ต้องเป็นหาดทรายชายทะเลที่กว้างพอที่จะทำให้เวลาน้ำขึ้น-น้ำลง เม็ดทรายบนชายหาดแห้งจนไม่มีแรงยึดเกาะระหว่างเม็ดทราย ทำให้เม็ดทรายสามารถปลิวลอยไปตามกระแสลมได้ แต่กับสันทรายบางเบิดนั้นมีเงื่อนไขของธรรมชาติที่เอื้อต่อการเกิดเป็นสันทรายขนาดใหญ่ได้เป็นอย่างดี
 โดยจากข้อมูลของการเกิดสันทรายบางเบิดระบุว่า เกิดจากยกตัวของชายฝั่งอย่างต่อเนื่อง ทำให้ตะกอนในทะเลที่สะสมตัวมายาวนานโผล่ขึ้นมาเกิดเป็นแนวเนินทรายยาว ขณะที่ชายฝั่งบริเวณนี้ที่ตั้งอยู่ในเขตร่องมรสุมพัดผ่านเป็นประจำ จึงเกิดมีกระแสลมแรงพัดผ่านมาอย่างสม่ำเสมอ กอปรกับการที่ด้านหน้าของหาดบางเบิดมีลักษณะเปิดโล่ง รับลม ไม่มีเกาะต่างๆปิดกั้นบังลม และชายหาดมีความลาดชั้นน้อย อีกทั้งทรายที่นี่ก็มีลักษณะพิเศษคือ มีน้ำหนักเบาและละเอียดมาก จนถูกเรียกขานว่า“ทรายแป้ง


       
       
ดังนั้นเมื่อถูกสายลมแรงพัดผ่านก็ลอยปลิวตามกระแสลมมาทับถมกันบนแนวสันตะกอนกินเวลานับเป็นพันๆปี เกิดเป็นสันทรายบางเบิดที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในเมืองไทยขึ้นมา
สันทรายบางเบิดแม้มีขนาดใหญ่เทียบไม่ได้กับที่ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ แต่ก็เป็นสันทรายที่มีความโดดเด่นในระดับโลกเนื่องจากสันทรายที่นี่มีป่าคุณลักษณะเฉพาะที่ถือเป็นป่าชนิดใหม่ของประเทศและน่าจะมีแห่งเดียวในเมืองไทย นั่นก็คือ “ป่าเนินสันทราย(Sand Dune Forest)


     
ป่าเนินสันทรายถือเป็นความมหัศจรรย์อีกอย่างหนึ่งของธรรมชาติ เพราะมีพันธุ์ไม้จากป่าพรุ ป่าชายหาด ป่าดิบชื้น ป่าดิบแล้ง อีกทั้งยังมีกล้วยไม้ ดอกไม้ หญ้า เถาวัลย์ มอส ไลเคน เฟิน มาขึ้นผสมพึ่งพาอาศัยกันบนเนินสันทรายยักษ์แห่งนี้ จากการสำรวจพบว่ามีพืชพันธุ์ไม้อยู่ประมาณ 160 โดยพันธุ์ไม้เหล่านี้จะกระจายอยู่ในพื้นที่ต่างๆ ตามที่แต่ละชนิดสามารถที่จะปรับตัวให้เข้ากับสภาพพื้นที่ได้
สำหรับป่าเนินสันทรายนั้นปัจจุบัน อยู่ภายใต้การดูแลของ “โครงการพัฒนาส่วนพระองค์ จังหวัดชุมพร(หมู่ 5 .ปากคลอง อ.ปะทิว จ.ชุมพร) อีกหนึ่งโครงการดีๆใต้พระบารมีที่เกิดจากพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยมีพระราชประสงค์ให้สถานที่แห่งนี้ เป็นพื้นที่อนุรักษ์อันคงสภาพแวดล้อมเดิมของพื้นที่ คือ สภาพสันทรายและสภาพป่าธรรมชาติไว้เป็นห้องเรียนธรรมชาติ เพื่อศึกษาและพักผ่อนหย่อนใจ อีกทั้งยังมีพระราชประสงค์ให้เป็นสถานที่ปรับปรุงบำรุงดินตามความเหมาะสมกับการปลูกแตงโมพันธุ์บางเบิด ซึ่งเป็นพันธุ์แตงโมที่มีชื่อเสียงของพื้นที่นี้มานาน
 ในโครงการฯแห่งนี้ นอกจากจะมีหลายสิ่งหลายอย่างให้ศึกษาเรียนรู้แล้ว ยังมีเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติที่มีระยะทางกว่า 2,338 เมตร ให้เราได้ออกกำลังกายเดินศึกษาธรรมชาติสัมผัสในความน่าทึ่งของผืนป่าเนินสันทรายแห่งนี้ ซึ่งพันธุ์ไม้ป่า ดอกไม้ ส่วนใหญ่ของที่นี่มีขนาดเล็กลงกว่าปกติ เนื่องจากขึ้นอยู่บนสันทราย นอกจากนี้พันธุ์ไม้บางชนิดยังสามารถพบได้ที่นี่เพียงแห่งเดียวเท่านั้น

     
       
โดยพันธุ์ไม้น่าสนใจ พันธุ์ไม้เด่นๆ ของที่นี่ก็มี ต้นเสม็ดชุนอายุนับร้อยปี ต้นขันทองพยาบาทหรือกระดูกยายปลวก ต้นตานซ่านหรือว่านดอกดิน ต้นเขากวาง ส่วนพวกดอกไม้เด่นๆก็มี ดอกพันจำ(สีขาว) ดอกกระดูกไก่(สีขาว) ดอกดองดึง ดอกปลาไหลเผือก ดอกช้างน้าว (สีเหลือง)ดอกเข็มหอม เป็นต้น

จากผืนป่าพิเศษทีนี้ก็มาถึงการไปเดินตะลุยบนเนินสันทรายขนาดยักษ์ที่ริมหาดบางเบิดกันบ้าง สำหรับจุดเที่ยวชมสันทรายนั้นอยู่ที่ เนินทรายงาม ที่มีป้ายศิลาเขียนติดไว้ว่า “หนึ่งในสยาม เนินทรายงามชุมพร
       
       
เนินทรายงาม ตั้งอยู่ที่ บ้านน้ำพุ ต.ปากคลอง อ.ปะทิว มีเส้นทางศึกษาธรรมชาติทำเป็นแผ่นหินเดินลัดเลาะขึ้นไปตามสันทราย ระหว่างทางมีป้ายหินบอกให้ข้อมูลเป็นจุดๆ


       
       
การได้เดินย่ำไปบนเนินทรายงามนี้ เหมือนกับการเดินบนภูเขาทราย ทรายที่นี่ละเอียดยิบเหมือนแป้งจนไม่น่าที่จะรียกว่าเม็ดทรายเพราะมันละเอียดกว่ามาก แต่น่าที่จะเรียกว่า“ฝุ่นทราย” หรือ“ธุลีทราย”มากกว่า เวลาเดินจะนุ่มเท้าดีเป็นบ้า แต่ถ้าใครไปเดินในช่วงตั้งแต่ 10 โมงไปจนถึงประมาณ 3-4 โมงเย็น กรุณาอย่าเดินตีนเปล่าเด็ดขาด เพราะแสงแดดและอากาศได้แผดเผาให้ทรายนุ่มๆนั้นกลายเป็นทรายร้อนระยับ ชนิดใช้หมกอุ่นอาหารกันได้เลยทีเดียว
 บนเนินทรายงามนี้ นอกจากเนินภูเขาทรายและป่าเนินสันทรายให้ทัศนาแล้ว ยังมุมชมวิวมองลงไปเห็นชายหาดบางเบิดอันสงบงาม มีอนุสาวรีย์โลมาให้ชมเป็นอนุสรณ์เตือนใจ
      
       
นอกจากนี้สำหรับใครที่มาเที่ยวที่นี่ ยังไงๆก็น่าจะลงเดินไปยังชายทะเล เพื่อสัมผัสกับชายหาดบางเบิดกันสักหน่อย

     
       
หาดที่นี่กว้างและยาว สงบ สวย มีทรายละเอียดแน่นปึ๊ก มีสายลมเย็นๆและแรงๆพัดผ่าน โดยเมื่อมองสวนเข้าไปในแผ่นดินจะเห็นเนินสันทรายตั้งเด่นเป็นสง่า
   อย่างไรก็ดีเป็นที่น่าเสียดายว่าเดี๋ยวนี้ แผ่นป้ายหินบอกข้อมูลบางส่วนได้หักพัง บางป้ายลมคว่ำ คงเพราะถูกสายลมแรงพัด ขณะที่ริมตีนสันทรายทางฝั่งทะเลหาดบางเบิดนั้น มีขยะที่ถูกคลื่นพัดพามาติดอยู่เต็ม ดูช่างขัดลูกกะตากับเนินทรายระดับโลกและชายหาดบางเบิดอันสงบงามเสียนี่กระไร ซึ่งไม่รู้ว่าใครเป็นคนรับผิดชอบในส่วนนี้ แต่ก็ไม่ควรที่จะปล่อยให้สันทรายระดับโลกนี้ดูรกหูรกตา แม้ว่าขยะจะถูกคลื่นลมพัดพามาตามธรรมชาติก็ตาม



หลังเที่ยวชมเนินทรายงามเสร็จขากลับ บริเวณแยกบางเบิก(ไปบางสะพาน-บางเบิด) ผมเห็นป้ายคัดค้านของชาวตำบลปากคลองติดเด่นหราว่าไม่ต้องการท่าเรือน้ำลึก แหล่งอุตสาหกรรมเหล็ก(ขนาดใหญ่) และโรงไฟฟ้าถ่านหินและนิวเคลียร์ทุกชนิด เพราะที่นี่เป็นหนึ่งในพื้นที่ที่มีคนมาเล็งว่าจะลงมือทำเมกะโปรเจคขนาดใหญ่ โดยเฉพาะการสร้างโรงงานอุตสาหกรรมถลุงเหล็กขนาดใหญ่ระดับโลก
       
นี่นับเป็นอีกหนึ่งในวิถีการต่อสู้ของชาวบ้านที่นี่ที่ผมขอเอาใจช่วย เพราะที่ผ่านมาบ้านเราถูก อำนาจเงิน อำนาจทุน(ใหญ่หรือทุนต่างถิ่น) และอำนาจจากฝ่ายปกครอง(ทั้งในระบบและนอกระบบ) รวมถึงอำนาจเถื่อนอำนาจมืด(จากมือที่มองไม่เห็น) มาทำร้าย ทำลายธรรมชาติต่างของบ้านเรามากพอแล้ว
       
ยังไงๆก็ขออย่าให้สันทรายบางเบิดต้องมาถูกทำลายด้วยเมกะโปรเจกต์และอำนาจต่างๆที่ไม่พึงประสงค์เหล่านี้เลย



 “สันทรายบางเบิด”ตั้งอยู่บริเวณบ้านบางเบิด ต.ทรายทอง อ.บางสะพานน้อย จ.ประจวบคีรีขันธ์ และพื้นที่รอยต่อในบ้านถ้ำธง ต.ปากคลอง อ.ปะทิว จ.ชุมพร 
       
       
โครงการพัฒนาส่วนพระองค์(โครงการจัดการป่าไม้บนพื้นที่สันทราย)บ้านน้ำพุ อำเภอปะทิว จังหวัดชุมพร เปิดทำการทุกวัน เวลา 08.00-18.00 โทร. 08-1958-7842
      
       
เนินทรายงามชุมพร ตั้งอยู่ที่บ้านน้ำพุ ต.ปากคลอง อ.ปะทิว 
       
ใกล้กับโครงการส่วนพระองค์ ริมเส้นทางเลียบชายหาดอ่าวบ่อเมา-หาดบางเบิด โดยช่วงที่ผ่านหาดถ้ำธงจะเห็นเนินทรายธรรมชาติ ริมถนนด้านขวามือเป็นระยะทางยาว ให้สังเกตป้าย"หนึ่งในสยาม เนินทรายงามที่ชุมพร"...



 ขอขอบคุณที่มาของภาและบทความ:

 www.manager.co.th