วันจันทร์ที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2555

ชายทะเล “ดอนหอยหลอด”

ชายทะเล “ดอนหอยหลอด”



   ดอนหอยหลอด ที่ตั้งอยู่ที่ ตำบลบางจะเกร็ง อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสงครามเป็นสันดอนที่เกิดขั้นบริเวณปากแม่น้ำแม่กลองชายฝั่งทะเลของจังหวัดสมุทรสงคราม มีลักษณะเป็นสันดอนใหญ่ตลอดชายฝั่งทะเล อยู่ห่างจากชายฝั่งประมาณ 50 เมตร 2,000 เมตร มีเนื้อที่ทั้งหมดประมาณ 22,000 ไร่
  
   เป็นสันดอนที่เกิดขั้นบริเวณปากแม่น้ำแม่กลองชายฝั่งทะเลของจังหวัดสมุทรสงคราม มีลักษณะเป็นสันดอนใหญ่ตลอดชายฝั่งทะเล อยู่ห่างจากชายฝั่งประมาณ 50 เมตร 2,000 เมตรมีเนื้อที่ทั้งหมดประมาณ 22,000 ไร่ จำนวนดอนที่เกิดขึ้นในขณะนี้มีทั้งหมด 7 ดอน แต่ละดอนแยกจากกันด้วยร่องน้ำเล็ก ๆ ลึกบ้าง ตื้นบ้างดอนที่มีหอยหลอดชุกชุมมากมีจำนวน 5 ดอน ซึ่งเป็นดอนที่เกิดขึ้นนานแล้ว ความหนาแน่นของหอยหลอดบนพื้นที่ประมาณ 15,056.25 ไร่ลักษณะพื้นที่ของดอนหอยหลอดเป็น ลักษณะดินปนทราย ชาวบ้านเรียกว่า "ทรายขี้เป็ด" ซึ่งอาจนำไปใช้ถมที่ได้ แต่ใช้ประโยชน์ในการก่อสร้างไม่ได้หอยหลอดจะอยู่หนาแน่นบริเวณที่มีทรายประมาณ 60 เปอร์เซ็นต์ขึ้นไป ความหนาแน่นของหอยหลอดขึ้นอยู่กับ สภาพแวดล้อมในแต่ละปีที่เปลี่ยนแปลงไป
    หอยหลอดเป็นสัตว์น้ำทะเลชนิหนึ่ง มีชื่อสามัญว่า Rozor clam และมีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Solen Strictus Gould 1861จัดเป็นหอยสองฝาที่มีตัวอาศัยอยู่ในฝาที่ประกบทั้งสองข้าง มีลักษณะคล้ายหลอดกาแฟ กลมยาวประมาณ 7-8 เซนติเมตร สีน้ำตาลอ่อน ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1เซนติเมตร เป็น ขนาดของหอยที่โตเต็มที่ มีสภาพความเป็นอยู่โดยการฝังตัวตั้งเป็นแนวดิ่งอยู่ใต้พื้นทราย ยามน้ำแห้งซึ่งเป็นช่วงโอกาสที่ชาวประมงจะทำการจับหอยหลอดได้หอยจะเปิดฝาอยู่เรี่ยพื้น และยึดตัวยื่นออกมาจับแพลงตอนเป็นอาหารหรือการเคลื่อนตัวออกไปหาพื้นที่อยู่ใหม่


   ดอนหอยหลอด
เนื่องจากดอนหอยหลอดมีหอยหลอดชุกชุมมาก และมีทัศนียภาพที่สวยงาม แปลก และมีเอกลักษณ์ ยามปกติเวลาน้ำขึ้นน้ำทะเลจะท่วม ดอนจะจมหายไปในน้ำไม่มีร่องรอยของดอนหอยหลอดอยู่เลยแต่พอน้ำลงจะปรากฏพื้นที่ดอนหอยหลอดค่อย ๆ โผล่ขึ้นทีละน้อย เป็นพื้นที่กล้างไกลหลายร้อยไร่ จึงทำให้ดอนหอยหลอดเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่ง สิ่งที่ดึงดูดใจนักท่องเที่ยว คือ หอยหลอด กล่าวกันว่าเป็นแหล่งที่มีหอยหลอดชุกชุมมากที่สุดแห่งเดียวในประเทศไทย หรือแห่งเดียวในโลก นักท่องเที่ยวนิยมลงไปจับหอยหลอดกันอย่างสนุกสนาน วิธีจับก็ใช้มือกดบงบนพื้นทราย จะปรากฏฟองอากาศ และเห็นรูปรากฏเอาไม้จิ้มปูนขาวแหย่ลงไป หอยหลอดจะโผล่ขึ้นมาให้จับ ต้องรีบเก็บใส่ภาชนะไว้มิฉะนั้นจะมุดดินหนีอยู่ลึกลงไปกว่าเดิมอีก


ห้ามสาดปูนขาวลงบนสันดอน เพราะจะทำให้หอยที่อาศัยอยู่ในบริเวณนั้นตายหมด ช่วงเวลาเหมาะสมที่จะท่องเที่ยวดอนหอยหลอด คือ ประมาณเดือนมีนาคม - พฤษภาคมเพราะน้ำทะเลจะลดลงนานกว่าช่วงเวลาอื่น และสามารถมองเห็นสันดอนโผล่ขึ้นมา นักท่องเที่ยวสามารถเช่าเรือบริเวณศาลาอาภร (ใกล้ศาลกรมหลวงชุมพรเขตตอุดมศักดิ์) เพื่อนั่งเรือไปชมดอนหอยหลอด นักท่องเที่ยวสามารถสอบถามรายละเอียดเวลาน้ำขึ้น - น้ำลง ได้ที่ อบต. บางจะเกร็งโทร 034-723749

    หลายคนเข้าใจว่า "หอยหลอด" มีเพียงที่ดอนหอยหลอดที่เดียวในโลก แต่ความจริงแล้วยังมีหอยหลอดในบริเวณอื่นอีก เช่น จ.สมุทรปราการ และ จ.ตราด และในต่างประเทศ เช่น อินโดนีเซีย และออสเตรเลีย แต่มีในปริมาณน้อย ไม่มากพอที่จะจัดเป็นแหล่งท่องเที่ยวได้ ทำให้คณะรัฐมนตรีมีมติให้ดอนหอยหลอดเป็นแหล่งท่องเที่ยวอีกแห่งหนึ่งของประเทศไทยเมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2543




   

   จำนวนดอนที่เกิดขึ้นในขณะนี้มีทั้งหมด 7 ดอน แต่ละดอนแยกจากกันด้วยร่องน้ำเล็ก ๆ ลึกบ้าง ตื้นบ้าง ดอนที่มีหอยหลอดชุกชุมมากมีจำนวน 5 ดอน ซึ่งเป็นดอนที่เกิดขึ้นนานแล้ว ความหนาแน่นของหอยหลอดบนพื้นที่ประมาณ 15,056.25 ไร่
    ลักษณะพื้นที่ของดอนหอยหลอดเป็น ลักษณะดินปนทราย ชาวบ้านเรียกว่า "ทรายขี้เป็ด" ซึ่งอาจนำไปใช้ถมที่ได้ แต่ใช้ประโยชน์ในการก่อสร้างไม่ได้  หอยหลอดจะอยู่หนาแน่นบริเวณที่มีทรายประมาณ 60 เปอร์เซ็นต์ขึ้นไป ความหนาแน่นของหอยหลอดขึ้นอยู่กับ สภาพแวดล้อมในแต่ละปีที่เปลี่ยนแปลงไป
    หอยหลอดเป็นสัตว์น้ำทะเลชนิหนึ่ง มีชื่อสามัญว่า Rozor clam และมีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Solen Strictus Gould 1861จัดเป็นหอยสองฝาที่มีตัวอาศัยอยู่ในฝาที่ประกบทั้งสองข้าง มีลักษณะคล้ายหลอดกาแฟ กลมยาวประมาณ 7-8 เซนติเมตร สีน้ำตาลอ่อน ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1 เซนติเมตร เป็น ขนาดของหอยที่โตเต็มที่ มีสภาพความเป็นอยู่โดยการฝังตัวตั้งเป็นแนวดิ่งอยู่ใต้พื้นทราย

    ยามน้ำแห้งซึ่งเป็นช่วงโอกาสที่ชาวประมงจะทำการจับหอยหลอดได้หอยจะเปิดฝาอยู่เรี่ยพื้น และยึดตัวยื่นออกมาจับแพลงตอนเป็นอาหารหรือการเคลื่อนตัวออกไปหาพื้นที่อยู่ใหม่
    เนื่องจากดอนหอยหลอดมีหอยหลอดชุกชุมมาก และมีทัศนียภาพที่สวยงาม แปลก และมีเอกลักษณ์คือ ยามปกติเวลาน้ำขึ้นน้ำทะเลจะท่วม ดอนจะจมหายไปในน้ำไม่มีร่องรอยของดอนหอยหลอดอยู่เลย แต่พอน้ำลง จะปรากฏพื้นที่ดอนหอยหลอดค่อย ๆ โผล่ขึ้นทีละน้อย เป็นพื้นที่กว้างไกลหลายร้อยไร่ จึงทำให้ดอนหอยหลอดเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่ง
    สิ่งที่ดึงดูดใจนักท่องเที่ยว คือ หอยหลอด กล่าวกันว่าเป็นแหล่งที่มีหอยหลอดชุกชุมมากที่สุดแห่งเดียวในประเทศไทย หรือแห่งเดียวในโลก นักท่องเที่ยวนิยมลงไปจับหอยหลอดกันอย่างสนุกสนาน

   วิธีจับก็ใช้มือกดบงบนพื้นทราย จะเห็นฟองอากาศ และเห็นรูปรากฏ เอาไม้จิ้มปูนขาวแหย่ลงไป หอยหลอดจะโผล่ขึ้นมาให้จับ ต้องรีบเก็บใส่ภาชนะไว้ มิฉะนั้นจะมุดดินหนีอยู่ลึกลงไปกว่าเดิมอีก  ไม่ควรสาดปูนขาวลงบนสันดอน เพราะจะทำให้หอยที่อาศัยอยู่ในบริเวณนั้นตายหมด
    ช่วงเวลาเหมาะสมที่จะท่องเที่ยวดอนหอยหลอด คือ ประมาณเดือนมีนาคม - พฤษภาคมเพราะน้ำทะเลจะลดลงนานกว่าช่วงเวลาอื่น และสามารถมองเห็นสันดอนโผล่ขึ้นมา นักท่องเที่ยวสามารถเช่าเรือบริเวณศาลาอาภร (ใกล้ศาลกรมหลวงชุมพรเขตตอุดมศักดิ์) เพื่อนั่งเรือไปชมดอนหอยหลอด
    นักท่องเที่ยวสามารถสอบถามรายละเอียดเวลาน้ำขึ้น - น้ำลง ได้ที่ อบต. บางจะเกร็งโทร 034-723749 


   หลายคนเข้าใจว่า "หอยหลอด" มีเพียงที่ดอนหอยหลอดที่เดียวในโลก แต่ความจริงแล้ว ยังมีหอยหลอดในบริเวณอื่นอีก เช่น จ.สมุทรปราการ และ จ.ตราด และในต่างประเทศ เช่น อินโดนีเซีย และออสเตรเลีย แต่มีในปริมาณน้อย ไม่มากพอที่จะจัดเป็นแหล่งท่องเที่ยวได้ ทำให้คณะรัฐมนตรีมีมติให้ดอนหอย.หลอดเป็นแหล่งท่องเที่ยวอีกแห่งหนึ่งของประเทศไทย เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2543 ครับ

 หอยหลอด
 ชื่อไทย : หอยหลอด
ชื่อสามัญ : Rozer ciam
ชื่อวิทยาศาสตร์ :Solen   regularis Dunker, 1861
   
   หอยหลอดเป็นหอยสองฝาชนิดหนึ่งที่มีการแพร่กระจายบริเวณปากแม่น้ำทั้งทางด้านชายฝั่งทะเลอันดามันและชายฝั่งทะเลอ่าวไทยในบริเวณพื้นที่ที่เป็นดินปนทรายหอยหลอดประกอบด้วยเปลือกที่ห่อหุ้มลำตัว เป็นรูปทรงกระบอกสีขาวอมเหลืองหรือสีเหลืองอ่อน ลักษณะเหมือนหลอดกาแฟส่วนปลายของเปลือกทั้งสองด้านมีช่องเปิดด้านหนึ่งเป็นเท้าและอีกด้านหนึ่งเป็นท่อน้ำ สำหรับกรองอาหารยื่นออกมา หอยหลอดจะชอบฝังตัวอยู่ในดินอยู่ลึกจากผิวดินประมาณ 1-2 นิ้ว โดยจะขุดเป็นท่อขนาดเท่าลำตัวและวางตัวอยู่ในท่อในแนวตั้งหรือเอียงประมาณ 30 องศาโดยตัวหอยจะเคลื่อนที่ขึ้นลง อยู่ในท่อหรือรูนี้ปกติหอยจะขึ้นมาอยู่บนผิวหน้าของดิน โดยยื่นลำตัวเหนือผิวดิน ประมาณ 1/3 ของลำตัวหอยหรืออาจจะอยู่บริเวณผิวดิน และเปิดช่องเพื่อกรองอาหารและน้ำผ่านเข้าไปในตัว

 แหล่งผลิตหอยหลอดที่ใหญ่ที่สุด
      อยู่ที่ดอนหอยหลอดจังหวัดสมุทรสงครามมีพื้นที่กว่า 40,000 ไร่ และมีที่ดอนอยู่ประมาณ 20,000 ไร่เศษซึ่งเป็นจุดที่มีหอยหลอดอาศัยอยู่เป็นจำนวนมากซึ่งในพื้นที่ดอนดังกล่าวจะมีน้ำขึ้น-ลงทุกวันในช่วงที่น้ำลง จะมองเห็นดินปนทรายและสัตว์น้ำหลากหลายชนิด โดยในแต่ละวัน จะมีทั้งชาวประมงและนักท่องเที่ยวลงทำการเก็บหอย โดยการนำปูนขาวไปหยอดลงไปช่องหรือรูของหอยหลอดเมื่อหอยได้รับสิ่งแปลกปลอมซึ่งระคายเคืองและเป็นพิษ จะพ่นน้ำและพุ่งตัวออกจากรูทำให้สามารถจับได้ง่าย
และเนื่องจากในปัจจุบันมีการจับหอยหลอดกันมากอนาคตหากไม่มีการเพาะขยายพันธุ์และอนุรักษ์หอยหลอดอาจสูญพันธุ์ได้ ด้วยเหตุนี้ สถานีเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่ง จ.สมุทรสงครามจึงได้ศึกษาขั้นตอนการเพาะขยายพันธุ์หอยหลอดขึ้นมาเพื่อนำไปปล่อยในแหล่งน้ำธรรมชาติ และการเลี้ยงเชิงพาณิชย์โดยมีขั้นตอนการดำเนินการต่าง ๆ ดังนี้


   ขั้นตอนการเพาะขยายพันธุ์
         โดยรวบรวมพ่อแม่พันธุ์หอยจากดอนหอยหลอด ด้วยการหยอดปูนขาวและรีบนำหอยมาใส่ในน้ำทะเล เพื่อให้คายปูนขาวออกลำเลียงเข้าสถานีแล้วคัดขนาดพ่อแม่พันธุ์ ที่มีขนาดตั้งแต่ 4 เซนติเมตรขึ้นไปใส่ในถังไฟเบอร์กลาส ขนาด 0.5x1.8x0.4 เซนติเมตรเพื่อเพาะพันธุ์
     การเพาะพันธุ์นี้จะใช้วิธีกระตุ้นด้วยอุณหภูมิที่แตกต่างกันโดยการทำน้ำทะเลให้อุ่นด้วยเครื่องทำน้ำอุ่น ให้ได้อุณหภูมิ ประมาณ 38-40 องศาเซลเซียส แล้วผ่านเข้าไปในถังไฟเบอร์กลาส ที่ใช้เพาะพันธุ์นานประมาณ 20-30 นาที แล้วจึงปล่อยน้ำทะเลอุณหภูมิปกติประมาณ 26-30 องศาเซลเซียสเข้าไปในถังเพาะพันธุ์ สลับปล่อยน้ำอุ่นและน้ำอุณหภูมิปกติประมาณ 2-4 ครั้ง ถ้าพ่อแม่สมบูรณ์เต็มที่จะปล่อยเซลล์สืบพันธุ์ออกมาหอยจะปล่อยไข่และน้ำเชื้อออกมาผสมกันภายนอกตัวซึ่งจะรอจนกว่าหอยปล่อยไข่และน้ำเชื้อออกมาหมด จากนั้นทิ้งไว้ประมาณ 10 นาทีเพื่อให้ไข่ และน้ำเชื้อผสมกัน แล้วจึงกรอง โดยใช้ผ้ากรองขนาด 30 ไมครอน


   สุ่มนับจำนวนไข่ลงถังอนุบาล ซึ่งจะใช้ถังไฟเบอร์กลาส ขนาด 1 ตันทรงกรวยที่ใส่น้ำทะเลที่ผ่านการฆ่าเชื้อความเค็มน้ำประมาณ 25-27 ส่วน ในน้ำอุณหภูมิ 25-26 องศาเซลเซียส pH ประมาณ 8 โดยให้มีความหนาแน่นประมาณ 1-2 ฟอง/มิลลิเมตรไข่หอยหลอดจะมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง ประมาณ 56-80 ไมครอนเมื่อไข่ได้รับการผสมจะเริ่มแบ่งเซลล์และเปลี่ยนแปลงรูปร่าง โดยเข้าสู่ระยะ Trochopliore ใน 4 ชั่วโมง และพัฒนาไปสู่ระยะ D-Shape ใน 5 ชั่วโมงซึ่งในระยะนี้ลูกหอยจะว่ายน้ำ และเริ่มลงเกาะพื้นเข้าสู่ระยะ Setting ในวันที่ 7 หรือ 8 หลังจากนั้นจะมีการพัฒนารูปร่างไปเรื่อย ๆ ประมาณ 30 วัน จะเป็นระยะ Juvenile ที่
        มีลักษณะเหมือนพ่อแม่พันธุ์ การทดลองครั้งที่ผ่านมาทางสถานีได้หอยมาจำนวน 860,000 ฟองไข่เริ่มแบ่งตัว เข้าสู่ระยะ D-Shape ภายใน 5 ชั่วโมงมีขนาดประมาณ 96x122 ไมครอน จำนวน 600,000 ตัว อัตรารอดตาย 70.58 เปอร์เซ็นต์ไข่พัฒนาเข้าสู่ระยะ Setting ภายใน 8 วัน มีขนาดประมาณ 184x224 ไมครอน จำนวน 60,000 ตัว อัตรารอดตาย 7.05 เปอร์เซ็นต์ และพัฒนาจนมีรูปร่างเหมือนตัวเต็มวัย ภายใน 30 วัน มีขนาดประมาณ 520x1,040 ไมครอน เหลือรอดอยู่ 6,000 ตัว อัตรารอดตาย 0.70 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งในช่วงแรก ๆ ลูกหอยจะไม่กินอาหาร แต่เมื่ออายุได้ 1 วัน หรือเข้า D-Shape ก็เริ่มให้กินอาหาร อาหารที่ใช้
       เลี้ยงหอยวัยอ่อนนี้ จะให้สาหร่ายสีน้ำตาลชนิด Isochrysis galbana ขนาด ประมาณ 6-8 ไมครอน ในอัตรา 10,000 เซลล์/มิลลิเมตรและค่อย ๆ เพิ่มปริมาณขึ้น ให้เพียงพอเมื่อลูกหอยเข้าสู่ระยะ Setting จะให้สาหร่าย Tetraselmis sp. เสริมด้วย โดยจะให้อาหารวันละ 2 ครั้งเช้าและเย็นแล้วจะเปลี่ยนถ่ายน้ำเว้นวัน โดยใช้สายยางดูดผ่านตะแกรง ที่มีขนาดต่าง ๆ กันขึ้นอยู่กับขนาดของลูกหอย พร้อม ๆ กับสุ่มตัวอย่างมาวัดขนาดและนับจำนวนเพื่อศึกษาการเจริญเติบโต และอัตราการรอดตาย


   อนุบาลลูกหอยได้ 3 เดือน
        เมื่อลูกหอยที่เพาะขยายพันธุ์อายุได้ 30 วันก็มีการทดลองเลี้ยงให้เป็นหอยขุนและพ่อแม่พันธุ์รุ่นต่อไปโดยนำมาเลี้ยงในถังไฟเบอร์ฯ ขนาด 2 ตารางเมตร ก้นถังรองด้วยดินปนทราย สูงประมาณ 1-2 เซนติเมตร ดูดน้ำเข้ามาให้มีระดับสูง 2-3 เซนติเมตร ภายในถังไฟเบอร์ฯ ดังกล่าวจะมีการติดตั้งท่อออกซิเจนไว้ด้วยโดยปล่อยลูกหอยลงเลี้ยงในอัตราหนาแน่น 48,000 ตัว ต่อพื้นที่ 2 ตารางเมตร แต่เลี้ยงได้ 3 เดือนก็ต้องยกเลิกเพราะว่าหอยทยอยตายไปเรื่อย ๆ โดยไม่ทราบสาเหตุหอยที่เหลือส่วนหนึ่งทางสถานีนำไปปล่อยลงสู่ธรรมชาติที่ดอนหอยหลอด 
   ปัจจุบันนี้การเพาะเลี้ยงหอยหลอดประสบความสำเร็จเฉพาะขั้นตอนการเพาะขยายพันธุ์เท่านั้นส่วนการอนุบาลและการเลี้ยงขุน ยังอยู่ในขั้นตอนการศึกษาวิจัย
     การทดลองครั้งนี้ถือเป็นความสำเร็จครั้งแรกที่สามารถทำให้หอยหลอดวางไข่และปล่อยน้ำเชื้อจนกระทั่งเจริญเติบโตเป็นลูกหอยได้อย่างสมบูรณ์ในห้องปฏิบัติการลูกหอยอยู่ได้นานที่สุด 54 วันซึ่งสถานีเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่งจังหวัดสมุทรสงครามจะได้ทดลองหาเทคนิคในการอนุบาลและการเลี้ยงลูกหอยให้อยู่รอดและเจริญเติบโตได้ในขั้นต่อไปจากผลการทดลองในครั้งนี้พอจะประมวลผลหลักใหญ่ได้ดังนี้


           1. ความสมบูรณ์ของพ่อแม่พันธุ์หอยหลอดเป็นปัจจัยสำคัญที่ต้องพิจารณาเป็นอันดับแรกในหอยบางชนิด เช่นหอยนางรมวางไข่เกือบตลอดปี จึงอาจจะเพาะพันธุ์ได้ทั้งปีแต่ในหอยชนิดอื่นจะต้องเพาะพันธุ์ในช่วงไข่แก่เท่านั้นสำหรับหอยหลอดบริเวณบ้านบางบ่อและบริเวณปากแม่น้ำแม่กลองมีการวางเซลล์สืบพันธุ์มากในเดือนพฤศจิกายนและพฤษภาคมประมาณ 39.0 และ 64.0 เปอร์เซ็นต์ กับเดือนสิงหาคม ประมาณ 58.8-28.0 เปอร์เซ็นต์ 
         2. เทคนิคในการกระตุ้นให้หอยปล่อยเซลล์สืบพันธุ์ที่ใช้ได้ผลและเป็นวิธีที่สะดวกและง่ายต่อการทดลองมากที่สุดคือการใช้อุณหภูมิที่แตกต่างกันในการกระตุ้น หรือการเพิ่ม-ลด อุณหภูมิโดยกะทันหันซึ่งเป็นวิธีที่ได้ผลดีกับการทดลองในครั้งนี้
         3. เป็นเรื่องสำคัญในการเพาะหอย ในครั้งนี้อาหารที่เหมาะสำหรับใช้เลี้ยงลูกหอยคือสาหร่ายสีน้ำตาล ชนิด Isochrysis galbana ซึ่งมีขนาด 6-8 ไมครอน เป็นส่วนใหญ่เมื่อลูกหอยเข้าสู่ระยะตกเกาะ (Setting) จึงให้ Tetraselmis sp. ซึ่งมีขนาด 10-14 ไมครอน
         4. ความสะอาดของน้ำทะเลเป็นปัจจัยสำคัญเช่นกันน้ำทะเลที่ใช้เพาะพันธุ์หอยจะต้องเป็นน้ำทะเลที่สะอาดผ่านการฆ่าเชื้อมาแล้วซึ่งควรเป็นน้ำกรองผ่านเครื่องกรองน้ำ (Sand Filter) เพื่อให้ใสแล้วจึงผ่านแสงอัลตราไวโอเลตแต่ในการทดลองครั้งนี้น้ำที่ใช้ผ่านการฆ่าเชื้อด้วยคลอรีนเพียงอย่างเดียวไม่ได้ผ่านแสงอัลตราไวโอเลตและสถานที่สำหรับเพาะพันธุ์หอยหลอดไม่สามารถควบคุมอุณหภูมิและสภาพแวดล้อมได้เท่าที่ควรและเนื่องจากเป็นสถานที่เพาะพันธุ์ปลากะพงขาว จึงทำให้มีการปนเปื้อนเชื้อโรคฝุ่นละอองซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้มีผลต่อการอนุบาลลูกหอยหลอดได้ในระยะเวลาเพียงช่วงหนึ่งเท่านั้น
        5. เทคนิควิธีการเลี้ยงลูกหอยวัยอ่อนยังต้องพัฒนาอีกมากเพราะหอยหลอดจะฝังตัวในดินปนทราย ซึ่งยากต่อการจัดการ


เมนูอร่อยจากหอยหลอด
 

  
 หอยหลอดสามารถนำมาแปรรูปหรือปรุงเป็นอาหารได้ปลายชนิดเช่นหอยหลอดเสียบไม้ย่าง หอยหลอดผัดฉ่า หรือหอยหลอด รสซึ่งจากประสบการณ์ในการรับประทานของผู้เรียบเรียง ขอยืนยันว่าอร่อย..เด็ด





   

เอกสารอ้างอิง
- กองบรรณาธิการ. 2545. วิชาการงานวิจัย : สพช.สมุทรสงครามเจ๋งเพาะหอยหลอดสำเร็จรายแรก.คัมภีร์เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ : ปีที่ 1 ฉบับที่ 7, หน้า 43-48.
- วรรณเพ็ญ, ฤทธิกร และนพดล. 2545. การทดลองเพาะพันธุ์หอยหลอด Solen regularis Dunlcer,1861. เอกสารวิชาการฉบับที่ 19/2545 สถานีเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่ง 
จังหวัดสมุทรสงคราม. กองเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่ง กรมประมง. 10 หน้า.
- ศุภชัย นิลวานิช. 2545. รายงานพิเศษ หอยเศรษฐกิจ : เพาะหอยหลอดงานวิจัยเพื่ออนุรักษ์ และการค้า. มติชนบท เทคโนโลยีชาวบ้าน : ปีที่ 14 ฉบับที่ 288, หน้า 65-67